MLM กับแชร์ลูกโซ่ต่างกันยังไง
MLM (Multi-Level Marketing) และ แชร์ลูกโซ่ มีลักษณะที่คล้ายกันในแง่ของการชักชวนคนเข้าร่วมเครือข่าย แต่มีข้อแตกต่างสำคัญที่แยกแยะได้ชัดเจน ดังนี้:
1. การเน้นที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- MLM (การตลาดหลายชั้น): มีการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการจริง ตัวแทนจำหน่ายในระบบ MLM ต้องเน้นการขายสินค้าหรือบริการให้กับลูกค้า โดยรายได้หลักของระบบ MLM มาจากการขายสินค้า ไม่ใช่จากการชักชวนคนเข้ามาในระบบ ยิ่งขายสินค้าได้มาก ตัวแทนก็จะได้รับรายได้มากขึ้น และยังมีโอกาสได้รับรายได้เพิ่มเติมจากการช่วยสมาชิกในเครือข่ายขายสินค้าด้วย
- แชร์ลูกโซ่ (Pyramid Scheme): ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่แท้จริง รายได้หลักมาจากการชักชวนคนเข้าร่วมเพื่อจ่ายเงินลงทุนเข้าในระบบ ซึ่งเงินที่ได้มาจ่ายให้กับคนที่เข้าร่วมก่อนหน้า ดังนั้นรายได้จึงไม่ขึ้นอยู่กับการขายสินค้า แต่ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่ชักชวนเข้ามา ซึ่งถือเป็นการหลอกลวงและผิดกฎหมายในหลายประเทศ
2. โครงสร้างรายได้
- MLM: รายได้ใน MLM มาจากการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ และค่าคอมมิชชั่นจากการขายของสมาชิกในทีม ตัวแทนจะได้รับรายได้ตามยอดขายและผลประกอบการของตนเองและทีม
- แชร์ลูกโซ่: รายได้มาจากเงินของคนที่เข้ามาใหม่ในระบบ โดยไม่มีการแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการจริง เป็นการหมุนเงินจากผู้เข้าร่วมใหม่ไปยังคนที่เข้ามาก่อน ระบบนี้จะล่มเมื่อไม่มีคนเข้ามาใหม่เพิ่มเติม
3. ความยั่งยืน
- MLM: มีโอกาสในการทำธุรกิจที่ยั่งยืนถ้าผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ขายมีคุณค่าและเป็นที่ต้องการในตลาด
- แชร์ลูกโซ่: เป็นระบบที่ไม่ยั่งยืน เนื่องจากพึ่งพาการชักชวนคนใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อไม่สามารถหาคนใหม่เข้าร่วมได้ ระบบก็จะล่มสลายและผู้เข้าร่วมสุดท้ายจะเสียเงิน
4. ความถูกกฎหมาย
- MLM: การตลาดแบบ MLM ที่ถูกต้องตามกฎหมายจะเน้นการขายสินค้าและมีโครงสร้างที่โปร่งใส ซึ่งถูกควบคุมและตรวจสอบได้
- แชร์ลูกโซ่: ผิดกฎหมายในหลายประเทศ เนื่องจากเป็นการหลอกลวงโดยใช้เงินของผู้เข้าร่วมใหม่มาหมุนให้กับผู้ที่อยู่ก่อนหน้าโดยไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการจริง
สรุปความแตกต่าง
- MLM เป็นระบบธุรกิจที่เน้นการขายสินค้าและสร้างรายได้จากการขายจริง
- แชร์ลูกโซ่ เน้นการชักชวนคนใหม่โดยไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการจริง และเป็นการหลอกลวงที่ผิดกฎหมาย.